เมืองที่เราไป ทั้งเบงกาลูรูและมังกาลอร์อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปแห่งหนใดก็ดูจะเป็นเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเดียวเสมอ ใช้คำว่ากลุ่ม แต่จริงๆ มีกันอยู่สองคน แยกกันบ้าง รวมตัวกันบ้างตามแต่สถานที่และเป้าหมายของแต่ละคน
ด้วยความแตกต่างระหว่างคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเรากับคนเอเชียใต้อย่างคนอินเดียที่เห็นได้ชัด ทั้งสีผิว ภาษา การแต่งตัว ฯลฯ จึงทำให้เรากลายเป็นเป้าสายตาแทบจะทุกพิกัดจีพีเอสที่ไปเยี่ยมเยือน โดยเราสามารถแบ่งคนอินเดียออกเป็นสองกลุ่มคร่าวๆ ตามลักษณะการตอบสนองต่อความสงสัยใคร่รู้หลักๆ ที่พบเจอ
...กลุ่มแรกคือสายจ้อง และกลุ่มที่สองคือสายพุ่ง
สายจ้องมีทั้งแบบจ้องทีเผลอและจ้องจริงจัง สายจ้องทีเผลอจะแอบใช้ช่วงเวลาที่เราไม่ทันระวังตัวแอบมองดูคนแปลกถิ่นอย่างเราจนถ้วนถี่ ถ้าหันกลับไปสบตาในระหว่างที่กำลังโดนพินิจพิจารณาอยู่นั้นก็จะเกิดอาการกระอักกระอ่วนแปลกๆ ส่วนสายจ้องจริงจังก็จะจ้องค้างแล้วค้างอีกจนต้องแก้เขินด้วยการหันไปยิ้มนางสาวไทยให้สักทีสองที ซึ่งถ้าเคมีตรงกันก็จะนำไปสู่บทสนทนาอีกมากมาย
ด้านสายพุ่งคือพุ่งจริงๆ พุ่งพรวดเข้ามาหาทันที บางทีทันตั้งตัว บางทีก็ไม่ทัน กลุ่มนี้จะมีมาหลากหลาย ถ้ามาเป็นกลุ่ม บางทีก็มาเพื่อถามให้แน่ใจว่าใครทายถูกบ้างว่านางคนนี้มันมาจากประเทศอะไร ซึ่งส่วนใหญ่มักทายกันว่า "Japan"
ไหว้โชว์สักหนึ่งทีก่อนตอบกลับสวยๆ ว่า "ไท้แล่น"
หรือบางคนก็เข้ามาพูดคุยจริงจัง แต่ถามว่าคุยกันจริงจังไหม ...ไม่เลย เพราะด้วยสำเนียงของคนอินเดียที่ทุกคำกร่อนรวมกันได้ คำสี่พยางค์กร่อนได้เหลือสองก็มี บางคนทำได้เหลือหนึ่ง บางทีเขาถามอีกอย่างเราตอบอีกอย่าง หรือไม่ก็สลับกันวนเวียนอยู่แบบนั้น แต่ก็สนุกสนานเฮฮากันไปเพราะไม่ได้มีใครเคร่งเครียดอะไร เจอคนไหนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วก็คุยกันได้ยาวนานหน่อย
ตอนแรกเราคิดว่าการถูกแอบมอง หรือถูกคนแปลกหน้าถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมาจะน่ารำคาญ แต่ที่นี่เรากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะอย่างน้อยเรารู้สึกว่าเขาสนุกกับการทำความรู้จักกับเรา บางคนกล้าน้อยก็ทำได้แค่แอบมอง บางคนมั่นมากก็เดินเข้ามาหาเลย ดังนั้น เราก็ควรที่จะสนุกไปกับการทำความรู้จักกับเขาเช่นกัน
โอ๊ย... คนดีไปอีก
เจ็ดวันผ่านไปตัดภาพไปที่เราวิ่งกรีดร้องใส่ทุกคน
-1-
เราไปเดินเล่นที่ตลาดปลา 'Dhakke' ในเมืองมังกาลอร์ ภาพแรกที่ไปถึงคือภาพของรถบรรทุกขนาดย่อมวิ่งสวนกันไปมา คนงานทำงานกันอย่างแข็งขัน บ้างคัดแยกปลาใส่ลังพลาสติก บ้างขนน้ำแข็งบดมาแช่ปลา แต่พอทุกคนสังเกตเห็นเราเท่านั้น งานการทุกอย่างเป็นอันหยุด ชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า 'Noufal' เป็นคนแรกที่กวักมือเรียกเรา
ฉิบหาย... เขาเรียกเราว่ะ ทำไงดี
ด้วยความใจง่าย มีหรือจะไม่ไป งานนี้ต้องตีซี้เผื่อได้กินปลาฟรีกันบ้างแหละ เรายืนคุยกับ Noufal สักพักก่อนที่คนอื่นจะทยอยเดินเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของคนไทยผิวเหลืองผมดำแซมหงอกบ้างประปรายอย่างเรา
บางคนทักทายด้วยการจับมือ บางคนทักทายด้วยการกอดก็มี ซึ่งย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แต่ละคนต่างสัมผัสนอกสัมผัสในกับมวลมหาประชาปลากันอย่างเมามัน จะบอกเขาว่าคนไทยทักทายกันแค่ไหว้ก็พอแล้ว แต่ดูท่าจะไม่ทัน โอเค... ยอมเปลืองตัวเพื่อปลาฟรี
สักพัก เราเริ่มรู้สึกว่าทุกคนเริ่มมามุงกันเยอะไปละ นี่ไม่ทำงานทำการกันเหรอ ด้วยความห่วงใยเลยถามไปว่า "Where is your boss?" ชายคนหนึ่งหายไปสักพักก่อนจะลากตัวผู้ชายอีกคนอายุไม่น่าถึง 40 มา ต้องใช้คำว่าลากจริงๆ ก่อนจะแนะนำว่า "Moss, this is Boss"
หลายคนดูขำกับมุกคำพ้องเสียงกันจนออกนอกหน้า ขำด้วยก็ได้วะ "กร๊ากกกก" ขำเสร็จพอเป็นพิธี คุณบอสก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นบริษัทที่ดูทำงานกันชิลดีจัง
ถูกกักตัวไว้เกือบชั่วโมงได้ คงถึงเวลาแล้วที่ต้องขอลา ในขณะที่เราหันหลังเพื่อเดินกลับไปป้ายรถเมล์ที่ห่างออกไป 2 กิโลเมตรพร้อมกับความหวังที่จะได้ปลาค่อยๆ ริบหรี่ลง ชายหนุ่มคนแรกที่ทักทายเราก็วิ่งตามมาขอเบอร์
ตายแล้ว! ถูกผู้ชายขอเบอร์ครั้งแรกที่อินเดีย
แต่ดันไม่มีเบอร์อินเดีย รู้อย่างนี้ซื้อซิมตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินแล้ว สุดท้ายก็ได้แค่แลกเฟซบุ๊กกัน เอาจริงๆ เราว่าเขาคงไม่ได้คิดอะไร ดูผู้ชายที่นี่มุ้งมิ้งใส่กันอยู่แล้ว เดินกอดเดินจับมือกันเป็นเรื่องปกติ แต่ขอมโนเอาไว้ก่อน
ไม่ได้ปลาแต่ก็ไม่ได้นกนะจ๊ะ
ล่าสุดทักมาว่า "Hi, Mossy bro" เฮ้อ... ไม่เห็นถึงความสาวในตัวชั้ลบ้างเหรอ
คลิกอ่าน Episode 1 - ถ่ายรูปให้หน่อย ได้ที่นี่
คลิกอ่าน Episode 3 - สวัสดี...คนหน้าแปลก (2) ได้ที่นี่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in